Header Ads

ไมโครซอฟท์ " วัฒนธรรมองค์กรที่ไม่เคยหยุดเรียนรู้"

ไม่บ่อยครั้งนักที่มีโอกาสสัมภาษณ์ "ฮาเรซ คูบจันดานิ" กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด ยิ่งเฉพาะในเรื่องเกี่ยวกับกลวิธีการบริหารธุรกิจไอที

ฮาเรซ คูบจันดานิ

การรีครูตการให้โอกาสพนักงาน รวมไปถึงการร่วมมือกับทางสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ที่เปิดโอกาสให้นักเรียนจำนวน 8 ล้านคน สามารถเข้าถึงบริการคลาวด์ระดับโลกอย่าง Office 365 for Education และอื่น ๆ

แต่กระนั้นต้องยอมรับว่าการสัมภาษณ์  "ฮาเรซ คูบจันดานิ" ครั้งนี้ ไม่เพียงทำให้เกิดมุมมองใหม่ หากยังทำให้เข้าใจเพิ่มขึ้นว่าการเป็นผู้บริหารระดับสูงในธุรกิจไอที ไม่จำเป็นต้องรู้ทุกเรื่องของการเปลี่ยนแปลง หรือความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นทั้งหมด

ขอเพียงแค่คุณมีความกระหายในการเรียนรู้ตลอดเวลา คุณจะประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีในธุรกิจนี้
ตรงนี้คือเสน่ห์ของอุตสาหกรรมไอที ที่ "ฮาเรซ คูบจันดานิ" ตอบกลับมา
ฉะนั้น แต่ละคำถามและคำตอบที่เกิดขึ้นในบริบทต่อไปนี้ จึงไม่เพียงเป็นคำถามและคำตอบที่หายไปกับสายลม พร้อม ๆ กับกระดาษหนังสือพิมพ์ที่ย่อยสลายไปตามเวลา หากเป็นคำถามและคำตอบที่ อยากบอกพนักงานของไมโครซอฟท์ทุกคนให้รู้ว่า แม้แต่ "บิลล์ เกตส์" หนึ่งในผู้ก่อตั้งไมโครซอฟท์ยังไม่ยอมหยุดที่จะเรียนรู้เลย 
แล้วคุณล่ะจะยอมหยุดเรียนรู้หรือ เพราะนั่นคือหนทางสู่ความสำเร็จในชีวิตล้วน ๆ

ในฐานะผู้นำของไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) ความสำเร็จของผู้นำควรประกอบด้วยเรื่องอะไรบ้าง
ผมทำงานไมโครซอฟท์มากว่า 17 ปี ที่นี่เป็นองค์กรที่มีความเฉพาะตัว โดยเฉพาะเรื่องความสามารถในการเรียนรู้ และไม่หยุดที่จะเรียนรู้ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่สะท้อนตัวตนของเราในฐานะองค์กร ตลอดจนการก้าวต่อไปข้างหน้า

นอกจากนี้ไมโครซอฟท์ยังเป็นองค์กรที่ให้ ความสำคัญกับ ระบบแห่งค่านิยม (Value System) ค่านิยมที่ส่งเสริมให้พนักงานกล้าเสี่ยงกล้าตัดสินใจ เพราะธุรกิจที่เราทำต้องปรับตัวตลอดเวลา เพราะอุตสาหกรรมไอทีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ถ้าเราในฐานะคนทำงานไม่ปรับตัว ไม่เรียนรู้เราจะไม่สามารถอยู่ในอุตสาหกรรมนี้ สำหรับผมแล้ว ผมไม่หยุดที่จะเรียนรู้ และไมโครซอฟท์เป็นองค์กรที่เปิดโอกาสให้ผมได้เรียนรู้ในสิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ จนทำให้เรากล้าที่จะทำในสิ่งที่แตกต่าง

ดังนั้น หากเราต้องการประสบความสำเร็จในไมโครซอฟท์ เราจะต้องเรียนรู้ที่จะทำงานกับผู้อื่น มีการทำงานเป็นทีม ต้องกล้าที่จะทำในสิ่งที่ยากและท้าทาย ที่สำคัญ คุณจะต้องมีความสามารถในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ (Innovate) ด้วย




อะไรคือคุณสมบัติสำคัญของพนักงานไมโครซอฟท์ ซึ่งเป็นบริษัทที่หลายคนอยากทำงานด้วย
ไมโครซอฟท์ ได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในองค์กรที่คนอยากทำงานด้วยมากที่สุดต่อ เนื่องมาหลายปี เวลาที่เราเลือกคนเข้ามาทำงาน สิ่งแรกที่มองหาคือ ความเก่ง (Smart) แต่เก่งอย่างเดียวไม่พอ ต้องมีความสมดุลของ EQ และ IQ ที่ไม่สามารถมีแค่อย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น แต่จะเลือกคนที่มีสมดุลทั้งสองอย่าง

คนที่มีประสบการณ์การทำงาน เราเลือกคนที่สามารถบริหารจัดการสถานการณ์ที่ท้าทายและแตกต่างได้ เราเลือกคนที่มีความคิดวิเคราะห์ ยึดมั่นในความถูกต้อง มีการทำงานเป็นทีม เรามีผู้สัมภาษณ์คนที่จะมาร่วมงานกับเราถึง 4-5 คน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าเราเลือกคนที่มีความหลากหลายจริง ๆ

สำหรับไมโครซอฟท์ เวลาที่เราเลือกคนเข้ามาทำงาน เราจะมองหาความหลากหลาย (Diversity) ทั้งความหลากหลายด้านเพศ ความคิด อายุ ทักษะความสามารถ ซึ่งการสร้างความหลากหลายดังกล่าว ทำให้เราสร้างองค์กรแห่งการเรียนรู้อย่างแท้จริง จนทำให้เราสามารถสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ตลอดเวลา

ช่วงที่ผ่านมามีการเปลี่ยนแปลงช่วงวัยของพนักงานในองค์กรเป็นอย่างมาก ในฐานะของผู้บริหาร คุณมีวิธีบริหารความหลากหลายอย่างไร
ผมมองช่วงระยะเวลา 17 ปี ที่อยู่ไมโครซอฟท์เหมือนผมเข้าโรงเรียน ผมเรียนรู้อย่างมาก เห็นความแตกต่างของเจนเอ็กซ์, เจนวาย รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรม การเปลี่ยนแปลงสู่ยุค Consumerization of IT ที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาท ทั้งในการทำงานและการใช้ชีวิต จนทำให้แทบแยกการใช้งานไอทีออกจากกันไม่ได้ และผมมองรูปแบบและบทบาทของผู้นำในยุคของการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วนี้เป็น 2 แบบ แบบแรกคือ Adaptive Leadership และแบบที่สองคือ Technical Leadership

สำหรับ Technical Leadership คือ ผู้นำที่บริหารองค์กรจะต้องอาศัยประสบการณ์ที่สั่งสมมา แต่เราอยู่ในธุรกิจและสิ่งแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลงเร็วมาก มีการแข่งขันสูง มีนวัตกรรมเกิดขึ้นมากมาย ในสถานการณ์เช่นนี้ ภาวะผู้นำต้องพร้อมที่จะปรับตัว (Adaptive)เราทำงานในยุคที่มีคน 3 เจเนอเรชั่น ทำงานอยู่ร่วมกัน ซึ่งมีเจนวาย, เจนเอ็กซ์ และเบบี้บูมเมอร์
สำหรับผมในฐานะผู้บริหารสูงสุดขององค์กร ไม่ได้คิดเรื่องบริหารอย่างเดียว แต่ผมคิดว่าเราจะ Engage หรือสร้างการมีส่วนร่วมของคนแต่ละเจเนอเรชั่นอย่างไร และทำอย่างไรถึงจะให้คนทั้ง 3 เจเนอเรชั่นทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ
ด้วยเหตุนี้ เทคโนโลยีจึงเข้ามามีบทบาทเป็นอย่างมากในการให้เกิดการมีส่วนร่วมของพนักงาน ที่ต่างเจเนอเรชั่นกัน และตัวผมเองเชื่อว่าคนรุ่นเก่าและคนรุ่นใหม่ต้องอยู่และทำงานร่วมกันให้ได้

ทำอย่างไร
องค์กรอย่างไมโครซอฟท์ เราใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า ลิงก์ (Lync) และแยมเมอร์ (Yammer) ซึ่งทำงานเหมือนโซเชียลมีเดียอย่างเฟซบุ๊ก เพื่อสำหรับสื่อสารภายในองค์กร มีความปลอดภัย และเป็นส่วนตัวสูง ซึ่งคนรุ่นใหม่มีความคุ้นเคยกับการใช้โซเชียลมีเดียก็จะคุ้นเคยกับการใช้ เทคโนโลยีเหล่านี้

ขณะเดียวกัน เรายังใช้วิธีการปกติด้วย อย่างการประชุมพบหน้ากันในการพบปะสื่อสาร เรามีห้องอาหารที่คนมาพบปะพูดคุยมีโต๊ะเทนนิส มีเก้าอี้นวด ที่พนักงานสามารถประชุมไปด้วยนั่งนวดไปด้วยได้

ดังนั้น สำหรับผม Adaptive Leadership จึงมีความสำคัญมาก คือทำอย่างไรผมจะสามารถสร้างการมีส่วนร่วม และเกิดไอเดียความคิดใหม่ ๆ ในการทำธุรกิจของพนักงานในองค์กร จนทำให้เรานำเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาใช้ เพื่อให้ทุกคนสามารถติดต่อสื่อสารกันได้ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน เวลาไหน หรือจากอุปกรณ์ใดก็ได้

ดูเหมือนว่าผู้นำองค์กรไอทีจะเหนื่อยกว่าผู้นำองค์กรธุรกิจทั่วไปใช่หรือไม่ เพราะต้องบริหารธุรกิจ ขณะเดียวกันก็ต้องตามเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วให้ทันด้วย
ผมว่านั่นอาจเป็นทัศนคติที่คนข้างนอกมอง แต่สำหรับผมไม่ได้ทำงานให้กับเทคโนโลยี แต่ผมใช้เทคโนโลยีช่วยทำงานให้ดีขึ้นมากกว่า เพราะถ้าเราทำงานให้กับเทคโนโลยี เราคงต้องเหนื่อยมากอย่างแน่นอน เพราะเทคโนโลยีจะเร็วกว่าเราอยู่เสมอ จริงอยู่ว่าผมทำงานในอุตสาหกรรมที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แต่ผมไม่จำเป็นต้องรู้ทุกการเปลี่ยนแปลง หรือความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นทั้งหมด

แต่ผมจะต้องเรียนรู้การเข้าถึงเทคโนโลยี เผชิญหน้ากับความท้าทาย ซึ่งทุกวันการทำงานของผมมีความตื่นเต้น และท้าทายรอผมอยู่เสมอ และเทคโนโลยีนี่แหละจะเป็นเครื่องมือช่วยให้ผมสามารถจัดการกับความท้าทาย ต่าง ๆ ที่เข้ามา
หากคุณมี Learning Mindset หรือมีความกระหายในการเรียนรู้ตลอดเวลา คุณจะสามารถประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีในธุรกิจนี้ นั่นคือเสน่ห์ของอุตสาหกรรมไอที

การใช้เทคโนโลยีอย่างแยมเมอร์หรือลิงก์ถือว่าช่วยแก้ปัญหาของคนที่อยู่ในอุตสาหกรรมไอที ที่ค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัวสูงไหมครับ
ก็มีส่วนครับ แต่ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ ด้วยเทคโนโลยีช่วยให้พวกเขาทำงาน และติดต่อสื่อสารจากที่ไหนก็ได้ เมื่อไหร่ก็ได้ หรือจากอุปกรณ์อะไรก็ได้

คุณพูดถึงเรื่องการเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา ไม่ทราบว่าบิลล์ เกตส์ ต้องเรียนรู้มากกว่าคุณกี่เท่าครับ
แน่นอนครับ เขาเป็นคนที่เก่งมาก ๆ การไม่หยุดที่จะเรียนรู้ เป็นวัฒนธรรมองค์กรของทุกคนในไมโครซอฟท์ครับ


พูดถึงโอกาสในการเติบโตของพนักงานไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) เป็นอย่างไรบ้าง
ไมโครซอฟท์ เป็นองค์กรที่มอบการเติบโตในหน้าที่การงานระดับโลก ซึ่งไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในประเทศไทย อย่างผมทำงานไมโครซอฟท์มา 17 ปี เคยทำงานในสิงคโปร์, อินโดนีเซีย, มาเลเชีย และประเทศไทย บนความหลากหลายหน้าที่ความรับผิดชอบ แต่สิ่งหนึ่งที่เราต้องโฟกัสคือ เราต้องช่วยให้พนักงานของเราเติบโตในสิ่งที่เขาทำได้ดี มีการพัฒนาอย่างตรงความสามารถ และเราจะดูว่าเขาชอบทำอะไร หรือทำอะไรได้ดี เพราะเรามีการเทรนนิ่ง มีออนไลน์คอร์ส มี Mentor

สำหรับผมเริ่มทำงานที่ไมโครซอฟท์ ในตำแหน่งผู้จัดการผลิตภัณฑ์เกมตอนนั้นไม่มีประสบการณ์ด้านไอทีเลย แต่สิ่งที่ผมเรียนรู้คือการตลาด ไม่ว่าจะเป็นการทำการตลาดเกม หรือผลิตภัณฑ์อย่างอื่น การตลาดมีพื้นฐานแนวคิดที่เหมือนกัน ซึ่งตัวผมเองเติบโตจากโอกาสที่ได้รับจนมาถึงวันนี้

ดังนั้น คุณจะสามารถเติบโตได้อย่างเต็มที่ในไมโครซอฟท์ ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร เชื้อชาติอะไร มีคนไทยหลายคนอยากไปทำงานต่างประเทศอย่างสหรัฐอเมริกา ขณะเดียวกัน พนักงานจากประเทศอื่น ๆ ก็อยากมาทำงานที่ประเทศไทยเช่นกัน ขอเพียงคุณมีทัศนคติที่ดี ไม่หยุดที่จะเรียนรู้ และพัฒนาตนเองอยู่เสมอ

เข้าทำงานที่ไมโครซอฟท์ยากไหมครับ
ผมมองว่าไม่ยากและไม่ง่าย แต่เราอยากได้คนที่ใช่มาทำงานกับเรา หรือเหมาะสมกับตำแหน่งหน้าที่มากกว่า เพราะจะเป็นสิ่งที่ดีสำหรับพนักงานและองค์กรในระยะยาว ดังนั้น คนที่มาทำงานกับไมโครซอฟท์จะต้องเข้ากับวัฒนธรรมองค์กรและคุณค่าที่เรายึดมั่น ผมเองสัมภาษณ์พนักงานทุกคนที่เข้ามาทำงานที่ไมโครซอฟท์(ประเทศไทย) ทุกครั้ง

ไม่ทราบว่ามีความฝันที่อยากเห็นไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) เป็นอย่างไรบ้างภายใต้การบริหารงานของคุณ

การสร้างการเติบโต การเพิ่มรายได้ เป็นสิ่งที่ผมอยากเห็นแน่นอน แต่สิ่งที่ผมให้ความสำคัญมากกว่า และทำให้ผมอยากมาทำงานทุกวันคือ ทำอย่างไรไมโครซอฟท์ จะช่วยสนับสนุน และก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นกับประเทศไทย และทุก ๆ ประเทศที่ไมโครซอฟท์เข้าไปดำเนินธุรกิจ ทุก ๆ 1 เหรียญที่ไมโครซอฟท์สร้างรายได้ พาร์ตเนอร์ของเราจะต่อยอดจนสามารถสร้างรายได้ 12-18 เหรียญ ทั้งยังทำให้เกิดการจ้างงาน และมีการจ่ายภาษีให้กับประเทศ

นอกจากนั้น ไมโครซอฟท์ยังลงทุนด้านการพัฒนาการศึกษา เรามอบซอฟต์แวร์ฟรีให้กับนักเรียน และบริษัทที่เพิ่งเริ่มต้นธุรกิจ ผ่านโปรแกรมที่ชื่อ DreamSpark, BizSpark
ทั้งไมโครซอฟท์ยังลงทุนเป็นจำนวนมากในการฝึกอบรมครูประเทศไทย ด้วยการใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน
ดังนั้น ความมุ่งหวังของผมคือ การทำให้ไมโครซอฟท์เป็นพาร์ตเนอร์ของภาคธุรกิจและภาครัฐที่ได้รับความไว้วางใจ

 
ความร่วมมือและการสนับสนุนด้านการศึกษาที่ทำร่วมกับทาง สพฐ.มีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง
ไมโครซอฟท์ลงทุนต่อเนื่องในการช่วยพัฒนาการศึกษาให้กับประเทศไทย เราดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมานานกว่า 20 ปี เราลงทุนเรื่องการพัฒนา และฝึกอบรมครูทั่วประเทศไทย ผ่านโครงการ Partners in Learning ถึงปัจจุบัน ไมโครซอฟท์ฝึกอบรมด้านไอทีให้กับครูทั่วประเทศแล้ว กว่า 164,000 คน

ล่าสุดเรายังมอบโปรแกรม Office 365 for Education ฟรี ผ่านทาง สพฐ. เพื่อให้นักเรียนไทย 8 ล้านคนนำไปใช้ในการเรียน นอกจากนั้นเรายินดีให้ความร่วมมือ และสนับสนุนรัฐบาลในการพัฒนาและปฏิรูปการศึกษาของไทย ซึ่งเป็นวาระสำคัญในการพัฒนาประเทศไทย

เราเชื่อว่าด้วยความเชี่ยว ชาญด้านเทคโนโลยีระดับโลกของไมโครซอฟท์ รวมถึงประสบการณ์ของเราในการช่วยปฏิรูปการศึกษาในประเทศต่าง ๆ จนสำเร็จ น่าที่จะช่วยรัฐบาลไทยสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับวงการศึกษาได้


ทราบมาว่าคุณเพิ่งถูกรับเชิญให้ไปพูดในงาน TEDx ที่จัดขึ้นที่เชียงใหม่เมื่อเร็ว ๆ นี้ อยากให้คุณช่วยเล่าประสบการณ์จากการไปพูดครั้งนั้น
นับเป็นประสบการณ์ที่ดีมากสำหรับผมที่มีโอกาสไปแบ่งปันประสบการณ์กับวิทยากรท่าน อื่น ๆ วันนั้นผมพูดในหัวข้อ Connecting the Present to the Future Education โดยผ่านเทคโนโลยีซึ่งไม่ใช่แค่แท็บเลตหรือสมาร์ทโฟน

แต่เป็นการทำอย่างไรให้เด็กเรียนรู้ได้ทุกที่ทุกเวลา ทั้งในโรงเรียนและนอกโรงเรียน ด้วยเนื้อหาที่เป็นประโยชน์และน่าสนใจ รวมถึงครูผู้สอนด้วยว่าทำอย่างไรถึงจะช่วยสร้างเครือข่ายครูที่เข้มแข็ง จนเกิดการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และความรู้ทั้งในประเทศและนอกประเทศ

เพราะเทคโนโลยีเป็นเครื่องมือสำหรับคุณครู ในการจุดประกายการเรียนรู้ให้กับเด็ก ๆ ให้มีส่วนร่วมและสนใจที่จะเรียนรู้ เพราะพวกเขาเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ง่ายกว่าสมัยก่อน

ดังนั้น ปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้เกิดการปฏิรูปการศึกษาอย่างแท้จริง ต้องประกอบด้วยความตั้งใจจริงของครูผู้สอน จากนั้นต้องประสานความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน ในการนำเทคโนโลยีมาช่วยก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ตลอดเวลา 



เนื่องจากไมโครซอฟท์สร้างชุมชน เครือข่ายครูจากทั่วโลก เปิดโอกาสให้ครูแลกเปลี่ยนหลักสูตรการสอน หรือเทคนิคการสอนที่น่าสนใจ เพื่อไปพัฒนาสอนนักเรียนของตน

อย่างล่าสุดคุณครูคาดียะห์ อามานะกุลจาก อ.เบตง จ.ยะลา เปลี่ยนโฉมวิธีการสอนภาษาอังกฤษให้กับนักเรียนของเธออย่างน่าสนใจ โดยเธอได้ใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์พื้นฐานอย่าง Speak Cell ในโปรแกรม Excel และ Songsmith เพื่อจุดประกายการเรียนวิชาภาษาอังกฤษ จนทำให้เด็ก ๆ สามารถฝึกออกเสียงภาษาอังกฤษได้อย่างถูกต้องและสนุกสนาน

อันเป็นการนำเทคโนโลยีเข้ามามีส่วนช่วยในการพัฒนาการเรียนการสอน ซึ่งเป็นสิ่งที่ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) ให้ความสำคัญตลอดมาและตลอดไป

ซึ่งไม่ธรรมดาเลย


CR : Prachachat

ไม่มีความคิดเห็น